หน้าหนาวนี้สาว ๆ ทั้งหลายคงกำลังวิตกกังวลว่าจะทำอย่างไร จึงจะดูแลผิวพรรณให้ชุ่มชื่น ไม่แห้งกร้านและแตกระแหง สาวบางคนอาจใช้วิธีการดูแลผิวในหน้าหนาวด้วยการใช้ครีมหรือโลชั่นบำรุงผิวใช่ไหมคะ แต่วิธีการอย่างนั้นอาจจะได้ผลแต่เป็นช่วงระหว่างวันที่ครีมหรือโลชั่นเคลือบผิวเราไว้เท่านั้น ยังมีวิธีที่ยั่งยืนและดีกว่านั้น นั่นคือการกินอาหารเพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิว เพราะนอกจากจะทำให้เราสวยแล้วยังทำให้เราสุขภาพดีด้วย เข้าทำนองทั้งสวยทั้งสุขภาพดี ดังนั้นหนาวนี้เรามาหาอาหารบำรุงผิวกันเถอะค่ะ อย่ารอช้าเรามาเริ่มทำความรู้จักกับ อาหารบำรุงผิว กันเลยดีกว่าค่ะ
เนื้อปลา
เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมเซลล์ของร่างกายที่เสื่อมโทรม และยังมีเซเลเนียมซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยชะลอความชราและความเสื่อมของร่างกาย
น้ำมันมะกอก
น้ำมันมะกอกเป็นน้ำมันจากพืชที่แม้จะมีแคลอรี่สูงก็จริงแต่มีข้อดีคือ มีกรดไขมันชนิดที่เป็นประโยชน์กับร่างกายสูงและเป็นไขมันชั้นดี ซึ่งเป็นตัวควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และที่สำคัญในน้ำมันมะกอกยังประกอบด้วยวิตามินเอและอีที่เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ทำให้ผิวดูอ่อนวัยคงความชุ่มชื้นและเนียนนุ่ม
เมล็ดข้าวและธัญพืช
ไม่ว่าจะเป็นข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ด ข้าวโพด ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วดำ งา นอกจากจะมีวิตามินบีสูงแล้ว ยังมีวิตามินอี ซึ่งเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ซึ่งจะช่วยสร้างและรักษาความแข็งแรงของเซลล์ มีงานวิจัยระบุว่า วิตามินอี ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวและช่วยปกป้องความเสียหายที่เกิดจากมลภาวะให้แก่ผิว
น้ำมันมะกอก
น้ำมันมะกอกเป็นน้ำมันจากพืชที่แม้จะมีแคลอรี่สูงก็จริงแต่มีข้อดีคือ มีกรดไขมันชนิดที่เป็นประโยชน์กับร่างกายสูงและเป็นไขมันชั้นดี ซึ่งเป็นตัวควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และที่สำคัญในน้ำมันมะกอกยังประกอบด้วยวิตามินเอและอีที่เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ทำให้ผิวดูอ่อนวัยคงความชุ่มชื้นและเนียนนุ่ม
เมล็ดข้าวและธัญพืช
ไม่ว่าจะเป็นข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ด ข้าวโพด ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วดำ งา นอกจากจะมีวิตามินบีสูงแล้ว ยังมีวิตามินอี ซึ่งเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ซึ่งจะช่วยสร้างและรักษาความแข็งแรงของเซลล์ มีงานวิจัยระบุว่า วิตามินอี ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวและช่วยปกป้องความเสียหายที่เกิดจากมลภาวะให้แก่ผิว
ผลไม้และผักสด
ผักสดมีวิตามินเอช่วยทำให้ผิวหนังไม่แห้งและยังสดใสเปล่งปลั่งอยู่เสมอ และยังมีวิตามินซีซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการสร้างเส้นใยคอลลาเจน ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้ผิวพรรณของใบหน้าดูเต่งตึงมีความยืดหยุ่น ผักสดและผลไม้จึงควรเป็นอาหารที่คุณควรบรรจุไว้ในเมนูอาหารทุกมื้อของคุณ ผลไม้ที่มีวิตามินซีมาก ได้แก่ ส้ม มะนาว มะเขือเทศ สับปะรด ฝรั่ง ส่วนผักและผลไม้ที่มีวิตามินเอมาก ได้แก่ กล้วย มะละกอ ฟักทอง แครอท
ผักสดมีวิตามินเอช่วยทำให้ผิวหนังไม่แห้งและยังสดใสเปล่งปลั่งอยู่เสมอ และยังมีวิตามินซีซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการสร้างเส้นใยคอลลาเจน ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้ผิวพรรณของใบหน้าดูเต่งตึงมีความยืดหยุ่น ผักสดและผลไม้จึงควรเป็นอาหารที่คุณควรบรรจุไว้ในเมนูอาหารทุกมื้อของคุณ ผลไม้ที่มีวิตามินซีมาก ได้แก่ ส้ม มะนาว มะเขือเทศ สับปะรด ฝรั่ง ส่วนผักและผลไม้ที่มีวิตามินเอมาก ได้แก่ กล้วย มะละกอ ฟักทอง แครอท
น้ำเปล่า
น้ำทำหน้าที่สำคัญเกี่ยวกับทุกระบบภายในร่างกายและหากร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอ จะทำให้ผิวพรรณไม่สดใส การดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้วโต ๆ เป็นวิธีที่ทำให้ผิวผ่องแบบไม่ต้องลงทุนมาก เพราะน้ำจะช่วยรักษาความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและยังป้องกันผิวหย่อนยานจากการลดน้ำหนักอย่างฮวบฮาบอีกด้วย
ตัวอย่างเมนูอาหารบำรุงผิว
มื้อเช้า : สลัดผลไม้ราดด้วยโยเกิร์ตหรือสลัดผักสดกับน้ำสลัดใส
มื้อเที่ยง : ปลาจาระเม็ดนึ่ง แกงเลียง ข้าวกล้อง
มื้อว่าง : นมถั่วเหลืองหรือน้ำผลไม้คั้นสด ๆ
มื้อเย็น : ลาบเห็ด ซุบเต้าหู้ ข้าวกล้อง
น้ำทำหน้าที่สำคัญเกี่ยวกับทุกระบบภายในร่างกายและหากร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอ จะทำให้ผิวพรรณไม่สดใส การดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้วโต ๆ เป็นวิธีที่ทำให้ผิวผ่องแบบไม่ต้องลงทุนมาก เพราะน้ำจะช่วยรักษาความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและยังป้องกันผิวหย่อนยานจากการลดน้ำหนักอย่างฮวบฮาบอีกด้วย
ตัวอย่างเมนูอาหารบำรุงผิว
มื้อเช้า : สลัดผลไม้ราดด้วยโยเกิร์ตหรือสลัดผักสดกับน้ำสลัดใส
มื้อเที่ยง : ปลาจาระเม็ดนึ่ง แกงเลียง ข้าวกล้อง
มื้อว่าง : นมถั่วเหลืองหรือน้ำผลไม้คั้นสด ๆ
มื้อเย็น : ลาบเห็ด ซุบเต้าหู้ ข้าวกล้อง
ขอบคุณข้อมูลจาก www.n3k.in.th
ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต